หลาย ๆ คน คงพอจะทราบกันดีแล้วว่าปัจจัยหลัก ๆ ที่จะต้องนำไปพิจารณาก่อนการตัดสินใจซื้อคอนโดคืออะไร ไม่ว่าจะเป็น ราคา, แบรนด์ของโครงการคอนโด, Layout ห้อง, พื้นที่ส่วนกลาง ฯลฯ แต่หลาย ๆ คน กลับลืมนึกถึงเรื่อง “ที่จอดรถ” ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโด คุณควรที่จะนำเรื่องเกี่ยวกับที่จอดรถไปคิดพิจารณาร่วมด้วย เพื่อที่การตัดสินใจซื้อคอนโดของคุณจะได้สมบูรณ์แบบ ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเกี่ยวกับเรื่องที่จอดรถในภายหลัง โดย 6 ข้อที่คุณควรจะต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องที่จอดรถภายในคอนโดนั้นประกอบไปด้วย...
1. สัดส่วนที่จอดรถต่อจำนวนยูนิตห้อง
สัดส่วนที่จอดรถต่อจำนวนยูนิตห้องไม่ควรต่ำกว่า 40% เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งก็รวมไปถึงปัญหาจอดรถซ้อนคัน, ปัญหารถเฉี่ยวชน, ปัญหาการใส่เบรกมือและปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย เพราะฉะนั้นแล้วคุณควรที่จะสอบถามกับพนักงานขายให้ชัดเจนว่าที่จอดรถภายในโครงการคอนโดคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์
วิธีคำนวณหา % ที่จอดรถภายในโครงการคอนโด
- (จำนวนที่จอดรถ x 100 และหารด้วยจำนวนยูนิตของคอนโด )
- ตัวอย่างเช่น หากโครงการมี 200 ยูนิต และมีที่จอดรถ 100 คัน
- จะได้สัดส่วนที่จอดรถ = (100 x 100) ÷ 200 = 50%
โครงการที่มีสัดส่วนที่จอดรถสูง เช่น 80–100% มักจะให้ความสะดวกกับผู้อยู่อาศัยมากกว่า โดยเฉพาะคนที่มีรถส่วนตัว
2. ราคาคอนโดสอดคล้องกับที่จอดรถหรือไม่ ?
หากคุณคิดว่าที่จอดรถคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโครงการคอนโดแถมมาให้ เราขอบอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะโครงการคอนโดส่วนใหญ่มักจะบวกค่าก่อสร้างและคิดค่าพื้นที่จอดรถลงไปในราคาห้องชุดแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้จากโครงการคอนโดที่มีที่จอดรถ 100% มักจะมีราคาที่สูงกว่าโครงการคอนโดทั่ว ๆ ไป ดังนั้นหากคุณยังไม่มีรถยนต์และยังไม่มีแพลนที่จะซื้อรถยนต์ในอนาคตอันใกล้นี้ คุณก็อาจจะมองหาโครงการคอนโดที่มีสัดส่วนที่จอดรถประมาณ 40 – 50% แทน เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง
3. ขนาดพื้นที่ห้องชุด
ทำไม Layout ห้องอื่น ๆ ถึงมีที่จอดรถแบบล็อกคัน ? ทำไม Layout ห้องเราถึงไม่มี ? หลาย ๆ คน มักจะมีคำถามนี้เกิดขึ้นมาในหัว เมื่อตัดสินใจซื้อคอนโดไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่คำถามนี้ควรจะเป็นคำถามที่คุณจะต้องสอบถามกับทางพนังงานขายคอนโดให้เรียบร้อย ว่า Layout ห้องที่คุณกำลังสนใจมีที่จอดรถแบบล็อกคันหรือไม่ ? ทั้งนี้ Layout ห้องที่มีขนาดใหญ่มักจะได้สิทธิ์ในการจอดรถแบบล็อกคัน ซึ่งก็สืบเนื่องมาจาก พรบ.ควบคุมอาคาร มีการคำนวณสัดส่วนที่จอดรถขั้นต่ำของคอนโดออกมาด้วยกันทั้งหมด 2 รูปแบบ ซึ่งประกอบไปด้วย
- คำนวณตามพื้นที่ใช้สอย ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ห้องที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 60 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องมีที่จอดรถ 1 คัน/1 ห้อง ส่วนนอกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ห้องที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 120 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องมีที่จอดรถ 1 คัน
- คำนวณที่จอดรถในคอนโดตามขนาดของอาคาร อาคารที่มีพื้นที่ก่อสร้างมากกว่า 1,000 ตารางเมตร และสูง 15 เมตรขึ้นไป หรืออาคารที่มีพื้นที่ก่อสร้างเกิน 2,000 ตารางเมตร ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทุก ๆ พื้นที่ก่อสร้าง 120 ตารางเมตร จะต้องมีที่จอดรถ 1 คัน ส่วนนอกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทุก ๆ พื้นที่ก่อสร้าง 240 ตารางเมตร จะต้องมีที่จอดรถ 1 คัน

4. มีการเรียกเก็บค่าจอดรถหรือไม่ ?
อีกหนึ่งข้อควรรู้เกี่ยวกับที่จอดรถภายในโครงการคอนโดเลยก็คือ “ทางโครงการจะมีการเรียกเก็บค่าที่จอดรถหรือไม่ ?” บางโครงการคอนโดอาจมีการเก็บค่าจอดรถรายเดือน เพื่อสร้างความยุติธรรมให้กับลูกบ้าน เช่น
- ผู้ที่มีรถและใช้ที่จอดจริง → เสียค่าจอดรายเดือน
- ผู้ที่ไม่มีรถ → ไม่ต้องจ่ายส่วนนี้
หรือเรียกง่ายๆ ว่า จอดก็เสีย ไม่จอดก็ไม่ต้องเสีย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วค่าจอดรถในคอนโดจะอยู่ที่หลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับทำเลและระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ ดังนั้นก่อนซื้อหรือเช่าควรถามให้ชัดเจนว่า “ที่จอดรถรวมอยู่ในราคาห้องหรือคิดแยก ?” “ถ้ามีรถเพิ่มอีกคัน คิดค่าจอดเท่าไหร่ ?” ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้คุณประเมินค่าใช้จ่ายรายเดือนของคอนโดได้แม่นยำมากขึ้น
5. ขนาดของช่องจอดรถ
เรื่องที่ผู้คนมักจะมองข้ามกันอยู่เป็นประจำเลยก็คือ “ขนาดของช่องจอดรถ” เพราะบางโครงการคอนโด มักจะลักไก่ทำขนาดช่องจอดรถที่ค่อนข้างจะเล็กกว่ามาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด (กฎหมายกำหนดขนาดช่องจอดรถไว้ที่ 2.4 x 5.0 เมตร ต่อรถจำนวน 1 คัน) เพื่อให้ได้จำนวนที่จอดมากขึ้น ซึ่งผิดมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ จนทำให้มีปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถที่เบียดกัน, รถขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าซองได้, การเปิดประตูไปโดนรถข้าง ๆ การเฉี่ยวชนในขณะที่ถอยรถเข้าซอง ฯลฯ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด ควรสอบถามให้แน่ใจว่าช่องจอดรถในโครงการมีขนาดตามมาตรฐานหรือไม่ และถ้ามีโอกาส ควรเข้าไปดูของจริงในโครงการด้วยตัวเอง
6. ระบบที่จอดรถแบบอัตโนมัติ
คอนโดรุ่นใหม่หลายแห่งเริ่มใช้ ระบบที่จอดรถแบบอัตโนมัติ (Auto Parking) เพื่อเพิ่มจำนวนที่จอดในพื้นที่จำกัด และลดปัญหาการจอดซ้อนคัน แต่สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนคือ รายละเอียดของระบบแต่ละโครงการมักแตกต่างกัน เช่น
- มี ประกันความเสียหาย หรือไม่ หากเกิดอุบัติเหตุระหว่างระบบทำงาน
- ระบบใช้งานง่ายไหม ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยหรือสามารถกดใช้งานเอง
- มี ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือค่าบำรุงรักษาที่ต้องจ่ายรายเดือนหรือไม่ ?
และถ้าคุณใช้ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็ควรสอบถามเพิ่มว่าโครงการมี ช่องชาร์จ EV Charger ไหม และมีกี่ช่อง เพราะในอนาคต EV จะกลายเป็นมาตรฐานสำคัญของการอยู่อาศัยในเมือง
จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า “ที่จอดรถ” คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด เพราะหากพิจารณาไม่รอบคอบตั้งแต่แรก ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาการใช้งานจริงในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นที่จอดไม่พอ จอดซ้อนคัน หรือระบบจอดรถที่ใช้งานยุ่งยากเกินไป และหากตอนนี้คุณกำลังมองหา “คอนโดทำเลดี เดินทางสะดวก ราคาคุ้มค่า” คุณสามารถเข้าไปเลือกชมโครงการคอนโดกว่า 6,000 โครงการทั่วประเทศ ได้ที่ Propertyhub เว็บไซต์ค้นหาคอนโดที่มาแรงที่สุดแห่งยุค ครบทั้งข้อมูลโครงการ รีวิว และทำเลจริง ให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในที่เดียว