การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นในประเทศไทย ล้วนแล้วแต่มีการแถมเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบพกพามาทั้งสิ้น หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าเครื่องชาร์จฉุกเฉิน ซึ่งใช้งานได้ง่าย แค่เสียบปลั๊ก 3 ตา แล้วชาร์จได้เลย แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นกัน
เมื่อเราออกรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มา ณ ปัจจุบันนี้ ทุกคันล้วนแล้วแต่แถมตัวเครื่องชาร์จแบบพกพาชนิดเสียบปลั๊กไฟ 3 ตามาทั้งสิ้น (ยกเว้น Tesla) แต่ทุกคนจะเจอปัญหาที่ว่ามันชาร์จได้ช้ามากๆ และใช้เวลาชาร์จนานสุดๆ ทำให้หลายๆ คนเริ่มมองเรื่อง Wallcharger แต่หลายๆ คนอาจไม่สะดวกติดตั้ง วันนี้เราจะมาชวนคิดกันว่ามันควรติดตั้งมากน้อยแค่ไหน
สเปคของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่แถมมาให้ ล้วนแล้วแต่มีสเปคใกล้เคียงกันทั้งหมด โดยสเปคที่ได้มาจะเป็นแบบกระแสไฟฟ้า 10A 220V ซึ่งรองรับการชาร์จไฟฟ้าด้วยกำลังไฟสูงสุดที่ 2,200 วัตต์ โดยกำลังไฟระดับนี้จะเทียบเท่ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นเตาไฟฟ้า, ไมโครเวฟ, ตู้อบ ไปจนถึงเครื่องปรับอากาศระดับ 12,000 BTU เป็นต้น
ซึ่งเครื่องชาร์จประเภทนี้ จะเติมไฟฟ้าให้กับรถยนต์อยู่ที่ 2 หน่วย ต่อชั่วโมง หมายความว่าอย่างไร? ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์ไฟฟ้า NETA V มีขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 40.7 kWh หากแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 50% หรือเหลือปริมาณอยู่ราวๆ 20.35 kWh การจะชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ด้วยเครื่องชาร์จแบบพกพา เสียบปลั๊ก 3 ตาปกติ ต้องใช้ระยะเวลาในการชาร์จราวๆ 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว
หรือถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ อาทิเช่น Tesla Model Y Long Range ที่มีขนาดแบตเตอรี่ใหญ่ถึง 75 kWh หากแบตเตอรี่เหลืออยู่ 50% หรือ 37.5 kWh จะต้องใช้ระยะเวลาในการชาร์จยาวนานถึง 19 ชั่วโมงเลยทีเดียว หรือเกือบๆ 1 วัน แบตเตอรี่จึงจะเต็ม 100%
ซึ่งถ้าเราใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Wallcharger กำลังไฟ 7kW จะใช้ระยะเวลาในการชาร์จเจ้า NETA V เพียง 3 ชั่วโมง และ Tesla Model Y เพียง 5 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตัวเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Wallcharger มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามากเพียงใด เพราะมันสามารถทำให้รถยนต์ไฟฟ้าแทบทุกคัน มีแบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ ภายในช่วงข้ามคืนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นแบบเครื่องชาร์จพกพา อาจใช้ระยะเวลาในการชาร์จยาวนานข้ามวันเลยทีเดียว
โดยสรุปแล้ว หากคุณไม่ได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเยอะมากนัก ในแต่ละวันใช้แบตเตอรี่ไม่กี่เปอร์เซ็น ตัว Wallcharger อาจไม่จำเป็นต้องติดตั้งมากนัก เพราะการชาร์จด้วยเครื่องชาร์จพกพาก็เพียงพอ แต่ถ้าคุณอยากใช้รถยนต์ได้อย่างสะดวกสบายที่สุด ราบรื่นที่สุด การติดตั้ง Wallcharger ตอบโจทย์มากที่สุดครับ
ติดตามรีวิวรถออกใหม่ เช็คราคาและตารางผ่อนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ พร้อมอัปเดตข่าวสารในวงการรถยนต์ก่อนใคร ที่เว็บไซต์ Autospinn หรือจะค้นหารถมือสอง ราคาโดน ๆ พร้อมโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ต้องนึกถึง one2car ตลาดซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย