เวลาที่เราพูดถึง “ทิศของบ้าน” หลาย ๆ คน อาจจะนึกถึงเรื่องฮวงจุ้ยเป็นอันดับแรก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบ้านที่หันไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก ล้วนก็มีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป แต่รู้ไหมว่า...ทิศของบ้านไม่ได้สำคัญแค่เรื่องของความเชื่อเท่านั้น เพราะยังส่งผลจริงกับการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องแสงแดด ลมฟ้า ความร้อน หรือแม้แต่การประหยัดพลังงาน และในบทความนี้ทีมงาน Propertyhub จะพาคุณไปทำความรู้จักกับความสำคัญของทิศบ้าน แบบเข้าใจง่าย ๆ พร้อมคำแนะนำว่าทิศไหนเหมาะกับใคร ? เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือก “ทิศบ้านแบบไหนดี” ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
ทิศบ้านมีผลต่ออะไรบ้าง ?
การเลือกทิศของบ้านไม่ใช่แค่ความชอบส่วนตัว แต่ยังส่งผลต่อ…
1. แสงแดดและความร้อน
ทิศที่บ้านหันหน้าไปจะกำหนดว่าบ้านจะรับแดดช่วงไหนของวันโดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
- ทิศตะวันออก : บ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงแดดในช่วงเช้า ซึ่งเป็นแดดที่อ่อนนุ่มและอบอุ่น ไม่ร้อนจัดจนเกินไป ซึ่งการรับแสงแดดในช่วงเช้าจะช่วยลดความชื้นในตัวบ้าน ป้องกันเชื้อราและช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับบรรยากาศภายในบ้าน และข้อดีอีกอย่างคือ เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่าย บ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะเริ่มเย็นลง ทำให้ไม่ร้อนอบอ้าวตลอดวัน เหมาะกับการจัดวางห้องนอนหรือห้องทำงานที่ใช้ในช่วงกลางวัน แต่อาจไม่เหมาะกับคนที่อยากนอนต่อในช่วงสาย เพราะอาจจะมีแสงแดดเข้ามารบกวน
- ทิศตะวันตก : ทิศตะวันตกเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดในช่วงบ่ายถึงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงที่สุดของวัน ความร้อนจากแดดในช่วงบ่ายสามารถสะสมอยู่ที่ผนังบ้านได้จนถึงช่วงค่ำ ส่งผลให้ภายในบ้านร้อนอบอ้าวแม้จะเข้าสู่ช่วงหัวค่ำแล้วก็ตาม และนอกจากนี้ยังทำให้เจ้าของบ้านต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศมากขึ้น ซึ่งก็จะนำไปสู่ค่าไฟฟ้าที่สูงตามมา แต่อย่างไรก็ตาม ทิศนี้อาจเหมาะกับการวางพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของหรือห้องซักล้าง เพราะแสงแดดบ่ายสามารถช่วยลดความอับชื้นได้ดีนั่นเอง อีกทั้งหากจำเป็นต้องเลือกบ้านที่หันไปทางทิศตะวันตก ควรมีการวางแผนการป้องกันแสงแดดในช่วงบ่าย เช่น การปลูกต้นไม้ใหญ่ การติดฟิล์มกันความร้อน หรือการเลือกใช้ผนังฉนวนกันร้อน เป็นต้น
- ทิศใต้ : ทิศใต้ถือเป็นทิศที่เหมาะสมกับสภาพอากาศในเมืองร้อนชื้นอย่างประเทศไทย เนื่องจากจะรับแสงแดดตลอดทั้งวัน แต่ไม่ร้อนจัดเท่าทิศตะวันตก อีกทั้งยังเป็นทิศที่ลมพัดผ่านได้ดี โดยเฉพาะในฤดูร้อนและฤดูฝน ซึ่งก็จะช่วยให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทสะดวก ลดความอับชื้น และลดการสะสมของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ทิศใต้จึงเป็นทิศที่นิยมในการออกแบบบ้านยุคใหม่ โดยมักจะวางห้องนั่งเล่น พื้นที่พักผ่อน หรือระเบียงไว้ในฝั่งนี้เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทั้งแสงและลม แต่หากไม่มีการออกแบบร่มเงาอย่างเหมาะสม ก็อาจเกิดความร้อนสะสมในช่วงกลางวันได้เช่นกัน
- ทิศเหนือ : บ้านที่หันไปทางทิศเหนือจะได้รับแสงแดดน้อยที่สุดตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความร้อนมากนัก เพราะบ้านจะเย็นสบายอยู่ตลอดเวลา ช่วยประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศและยังช่วยถนอมวัสดุตกแต่งภายในให้คงสภาพได้นาน เนื่องจากไม่ต้องสัมผัสแสงแดดโดยตรง อย่างไรก็ตาม...การที่แดดไม่ส่องเข้าบ้านมากนัก อาจทำให้เกิดปัญหาความชื้นสะสมโดยเฉพาะในฤดูฝน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้น ดังนั้นหากต้องเลือกบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ควรออกแบบระบบระบายอากาศหรือช่องลมให้ดี เพื่อให้บ้านเย็นและแห้งอย่างสมดุล
2. การระบายอากาศ
ลมประจำฤดูในประเทศไทยมักพัดมาจากทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งถ้าบ้านหันไปทางทิศนั้นพอดี ก็จะช่วยให้บ้านเย็นสบาย ไม่อับ ไม่ต้องพึ่งแอร์ ซึ่งก็จะส่งผลให้เราประหยัดค่าไฟมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
3. การวางผังห้องภายในบ้าน
ทิศของบ้านจะส่งผลกับการจัดวางห้องต่าง ๆ เช่น ห้องนอนควรหลีกเลี่ยงแดดบ่าย(ทิศตะวันออก) ห้องรับแขกควรได้รับแสงธรรมชาติพอเหมาะ(ทิศเหนือหรือทิศใต้) เป็นต้น
บ้านแต่ละทิศเหมาะกับใคร ?
- ทิศตะวันออก : เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ตื่นเช้า หรือผู้สูงอายุที่ต้องการรับแสงแดดยามเช้าเพื่อสุขภาพ เพราะแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้าจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว บรรยากาศสดชื่น และลดความชื้นภายในบ้าน นอกจากนี้ยังเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และคนที่ทำงานในช่วงเช้าและเลิกงานในช่วงบ่าย
- ทิศตะวันตก : อาจไม่ใช่ตัวเลือกยอดนิยม แต่กลับเหมาะกับคนที่ไม่อยู่บ้านในช่วงกลางวัน เช่น พนักงานออฟฟิศที่ออกจากบ้านเช้า กลับเข้าบ้านช่วงค่ำ เพราะความร้อนที่สะสมจะมีผลน้อยลงเมื่อพระอาทิตย์ตกไปแล้ว นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ชอบแดดแรง ๆ หรือมีงบประมาณในการออกแบบบ้านให้กันความร้อนได้ เช่น ใช้ผนังสองชั้นหรือฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพ
- ทิศใต้ : เหมาะกับคนที่ชอบความโปร่งสบาย อากาศถ่ายเทดี และอยากได้บ้านที่ไม่ร้อนจัด เพราะทิศใต้จะได้รับทั้งแสงแดดอย่างพอดีและลมตามฤดูกาล เหมาะกับครอบครัวที่อยู่บ้านทั้งวัน คนที่ทำงานที่บ้านหรือผู้ที่ต้องการพื้นที่พักผ่อนที่เย็นสบาย
- ทิศเหนือ : เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความร้อนและอยากได้บ้านที่อุณหภูมิเย็นตลอดทั้งวัน เช่น คนที่ทำงานแบบ WFH หรือผู้ที่กังวลเรื่องค่าไฟจากการเปิดแอร์ อีกทั้งทิศเหนือยังเหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศสงบ ร่มรื่น แต่ก็ควรใส่ใจเรื่องการระบายความชื้นและการป้องกันเชื้อราโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
แล้วถ้าซื้อคอนโด “ทิศ” ยังสำคัญอยู่ไหม ?
คำตอบคือ สำคัญ! เพราะถึงแม้คอนโดจะมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศหรือระบบหมุนเวียนอากาศ แต่การเลือกยูนิตที่หันหน้าไปทางทิศที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ห้องเย็นสบายกว่า ประหยัดไฟได้มากกว่าและอยู่สบายมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ Work from Home หรืออยู่ห้องเกือบทั้งวัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเป็นหลักร่วมด้วย
ทิศที่ดีไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับ “ไลฟ์สไตล์” ของคุณ
แม้เรื่อง “ทิศบ้าน” จะถูกพูดถึงกันบ่อย ทั้งในแง่ฮวงจุ้ยหรือหลักการออกแบบตามธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีทิศไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะความเหมาะสมของแต่ละทิศขึ้นอยู่กับ “ไลฟ์สไตล์” และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเจ้าของบ้านเป็นหลัก เช่น บางคนตื่นเช้าเพราะชอบแสงแดดอ่อน ๆ ก็อาจจะรู้สึกว่าทิศตะวันออกเหมาะที่สุด ขณะที่บางคนทำงานนอกบ้านกลับเข้ามาพักแค่ตอนเย็น ก็อาจจะไม่ได้รู้สึกร้อนแม้ว่าบ้านจะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกก็ตาม หรือถ้าคุณเป็นคนรักธรรมชาติ ชอบเปิดหน้าต่างรับลมตลอดทั้งวัน ทิศใต้ที่มีลมพัดผ่านตลอดทั้งวัน ก็อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกทิศของบ้านจึงไม่ควรอิงจากแค่ความเชื่อเพียงอย่างเดียว แต่ควรย้อนกลับมาถามตัวเองก่อนว่า “เราจะใช้งานบ้านอย่างไรในแต่ละวัน ?” เพราะการรู้จักไลฟ์สไตล์ตัวเองจะช่วยให้เลือกทิศบ้านที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า ทั้งในแง่ของความสบาย ประหยัดพลังงาน และความสุขในระยะยาว
“ทิศบ้าน” ไม่ใช่แค่เรื่องของความเชื่อในศาสตร์ฮวงจุ้ยเท่านั้น แต่คือปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเราในทุก ๆ วัน ตั้งแต่แสงแดดที่ส่องเข้าบ้าน ลมที่พัดผ่าน การถ่ายเทอากาศ ไปจนถึงการประหยัดพลังงานและความสบายในการอยู่อาศัย ทั้งหมดนี้ล้วนเริ่มต้นจาก “ทิศที่บ้านหันหน้าไป” แต่อย่างไรก็ตาม... ไม่มีทิศไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ ความชอบและการใช้ชีวิตที่ต่างกันไป ทิศที่ใช่สำหรับใครคนหนึ่ง อาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับอีกคน เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญไม่ใช่การมองหาทิศที่ดีที่สุด แต่คือการมองหาทิศที่ “เหมาะกับชีวิตของคุณ” และไว้โอกาสหน้าเราจะนำข้อมูลดี ๆ อะไรมาฝากอีก คุณก็สามารถติดตามได้ที่ Propertyhub Blog : บทความที่รวบรวมทุกเรื่องราวเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์