หากกล่าวคำว่า “Mixed-Use” ขึ้นมา ผู้คนในวงการอสังหาฯ มือเก๋าหลายๆ คน ก็ คงจะรู้จักกับคำๆ นี้กันเป็นอย่างดี เพราะว่า Mixed-Use ไม่ได้เป็นคำที่แปลกใหม่อะไร แถมในปัจจุบันนี้อสังหาฯ ที่มาในรูปแบบ Mixed-Use ก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการคาดการณ์เอาไว้ว่าอสังหาฯในรูปแบบ Mixed-Use จะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นทวีคูนในประเทศไทย เพราะพื้นที่ทำเลทองหรือพื้นที่ใจกลางเมืองเริ่มเหลือน้อยลงทุกวัน จนเป็นเหตุให้เกิดอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use นั่นเอง
และสำหรับใครที่พึ่งก้าวเข้าสู่วงการอสังหาฯ โดยที่ยังไม่รู้ว่า Mixed-Use คืออะไร ? บทความนี้ทางทีมงาน Propertyhub ก็ได้นำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use มาฝาก ซึ่งถ้าพร้อมแล้วเราไปพบกับข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอสังหาฯในรูปแบบ Mixed-Use พร้อมๆ กันเลย
Mixed-Use คืออะไร ?
Mixed-Use คือ โครงการอสังหาฯ ที่สร้างขึ้นเพื่อการอยู่อาศัยและพาณิชกรรมบนพื้นที่เดียวกัน โดยแนวคิดที่ว่ารวมสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตมาอยู่รวมกันไว้ในที่ๆ เดียว หรือหากจะพูดให้เห็นภาพแบบชัดๆ เลยก็คือ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีองค์ประกอบที่หลากหลายภายในพื้นที่เดียวไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม สำนักงานออฟฟิศ ศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้า โรงแรม พื้นที่เชิงพาณิชย์สำหรับใช้เช่าทำร้านค้า สถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยว สันทนาการ แหล่งชุมชนการศึกษา เป็นต้น โดยโครงการอสังหาฯ รูปแบบ Mixed-Use ส่วนใหญ่มักจะมีทำเลที่ตั้งที่อยู่ในโซนธุรกิจ พื้นที่บริเวณ CBD ของกรุงเทพมหานครฯ หรือศูนย์กลางธุรกิจขนาดใหญ่ของทำเลนั้นๆ
ซึ่งถ้าหากมองดีๆ แล้ว คุณจะรู้ได้ทันทีว่าโครงการอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use จะสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใช้ชีวิตในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้มีการเติบโตของธุรกิจภายในพื้นที่โครงการและโดยรอบ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนักลงทุนอสังหาฯ(มืออาชีพ) ถึงได้จับตามองและให้ความสนใจกับโครงการอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ Mixed-Use ที่มีโครงการคอนโดอยู่ภายในพื้นที่
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ Mixed-Use น่าลงทุน
เหตุผลที่ทำให้อสังหาฯในรูปแบบ Mixed-Use มีความน่าสนใจและสามารถดึงดูดนักลงทุนได้เลยก็คือ “ทำเลที่ตั้ง” เพราะตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า โครงการอสังหาฯ Mixed-Use ส่วนใหญ่จะสร้างขึ้นในโซนธุรกิจหรือศูนย์กลางธุรกิจภายในพื้นที่บริเวณนั้นๆ จึงทำให้นี่คือจุดแข็งของ Mixed-Use นั่นเอง อีกทั้งยังมีจุดเด่นของแต่ละโครงการ ซึ่งต้องดูอีกทีว่าแต่ละโครงการจะชูจุดเด่นทางด้านใดออกมาเพื่อให้นักลงทุนเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น สามย่าน มิตรทาวน์ (Samyan Mitrtown) ที่อยู่ใกล้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(ทำเลทองใจกลางเมือง) โดยมีการชูจุดเด่นในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์น้องๆ นักศึกษา(จุดเด่น) ไม่ว่าจะเป็น Co-learning space, Fitness, ศูนย์การค้า, โรงภาพยนตร์ ฯลฯ และมีพื้นที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดที่ชื่อโครงการ “Triple Y Residence” อยู่ภายในพื้นที่ เป็นต้น
“ทำเลที่ตั้ง + จุดเด่นของแต่ละโครงการ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้อสังหาฯในรูปแบบ Mixed-Use มีความน่าสนใจ และนักลงทุนมักจะมองว่านี่คืออสังหาฯ ที่จะสามารถสร้างมูลค่าให้กับพวกเขาได้ในอนาคต”
โครงการอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use เหมาะกับใคร ?
หากถามว่าโครงการอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use เหมาะสมกับใคร ? เราก็คงจะต้องตอบอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า “เหมาะสมกับนักลงทุนที่มีกำลังซื้อสูงหรือกลุ่มผู้บริโภคระดับบน” เนื่องจากราคาเริ่มต้นของโครงการคอนโดที่เป็นรูปแบบ Mixed-Use นั้นจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควรหากเปรียบเทียบกับโครงการคอนโดโดยรอบบริเวณนั้นๆ เพราะทั้งทำเลที่ตั้ง(ที่ง่ายต่อการเดินทาง, อยู่ใจกลางเมือง ฯลฯ) สิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตที่ครบครัน(ทั้งพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดและพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่อยู่ภายในพื้นที่โครงการ) ภาพรวมของโครงการส่วนใหญ่ที่ดูหรูหรา ทันสมัย ฯลฯ จึงทำให้ที่อยู่อาศัยภายในโครงการอสังหาฯ Mixed-Use มีราคาสูงนั่นเอง
ตัวอย่างโครงการอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use
ไอคอนสยาม (ICONSIAM)
ไอคอนสยาม (ICONSIAM) ถือได้ว่าเป็นโครงการอสังหาฯ ที่มาในรูปแบบ Mixed-Use จาก 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) โดยไอคอนสยาม (ICONSIAM) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ และมีมูลค่าโครงการกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งจุดเด่นของ ICONSIAM ก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากพื้นที่ในบริเวณที่เป็นห้างสรรพสินค้า ที่ได้รวบรวม Shop แบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกไว้มากมาย การตกแต่งที่ดูหรูหราอย่างเหนือระดับ รวมไปถึงยังมีภัตตราหรูระดับ Michelin starts, ร้านค้า/ร้านอาหารกว่า 500 ร้าน, Sport Complex, ศูนย์การประชุมระดับโลกขนาด 3,500 ที่นั่ง และอื่นๆ อีกมากมายที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่ในโซนพักอาศัยก็ไม่น้อยหน้า เพราะมีโครงการคอนโดที่ติดอันดับราคาแพงที่สุดของประเทศตั้งอยู่ภายในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งนั่นก็คือโครงการคอนโด “The Residences at Mandarin Oriental” นั่นเอง
สามย่าน มิตรทาวน์ (SAMYAN-MITRTOWN)
สามย่าน มิตรทาวน์ (SAMYAN-MITRTOWN) จาก บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use โดยมีพื้นที่ใช้สอย รวม 222,000 ตารางเมตร บนพื้นที่กว่า 13 ไร่ ซึ่งภายในพื้นที่นั้นประกอบไปด้วยโซนรีเทล สูง 6 ชั้น (ห้างสรรพสินค้าที่มีร้านค้า, ร้านอาหาร, ลานกิจกรรม, Co-learning space, Fitness โรงภาพยนตร์ ฯลฯ) โซนอาคารสำนักงานสูง 31 ชั้น และโซนที่พักอาศัยสูง 33 ชั้น (โครงการคอนโด Triple Y Residence))
ทรู ดิจิทัล พาร์ค (True Digital Park)
โครงการอสังหาฯ ในรูปแบบ Mixed-Use อีกหนึ่งแห่งที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท(ใกล้กับซอยสุขุมวิท 101/1) และยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี อย่าง True Digital Park จาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการอสังหาฯ ที่มีความเพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน เพราะไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ออฟฟิศแบบแต่งครบ, พื้นที่จัดอีเว้นท์, Co-working space และอื่นๆ อีกมากมายที่ตอบโจทย์ผู้คนวัยทำงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีโครงการคอนโดอยู่ภายใน True Digital Park ถึง 3 โครงการ ซึ่งประกอบไปด้วย Whizdom Connect , Whizdom Essence และ Whizdom Inspire
วัน แบงค็อก (One Bangkok)
วัน แบงค็อก (One Bangkok) ก็เป็นอีกหนึ่งอสังหาฯ ที่มาในรูปแบบโครงการ Mixed-Use เช่นเดียวกัน ซึ่งความยิ่งใหญ่อลังกาลก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะนี่คือเมกะโปรเจกต์ จากบริษัทในเครือของเจ้าสัวเจริญ โดยตัวโครงการนั้นตั้งอยู่บริเวณแยกถนนพระราม 4 กับถนนวิทยุ ซึ่งถือได้ว่าเป็นทำเลทองใจกลางเมืองอย่างแท้จริง บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ และมีอาคารกว่า 10 อาคารภายในพื้นที่ ซึ่งอาคารต่างๆ ประกอบไปด้วย อาคารสำนักงาน, โรงแรมสุดหรูระดับ 6 ดาว, อาคารหอประชุม, ร้านค้าปลีก, พื้นที่กิจกรรมและศิลปะวัฒนธรรมขนาด 10,000 ตารางเมตร และโครงการคอนโดระดับ Ultra Luxury ที่จะมีการเปิดตัวในเร็วๆ นี้
THE PARQ (เดอะ ปาร์ค)
มาต่อกันที่ THE PARQ (เดอะ ปาร์ค) โครงการ Mixed-Use จาก บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด และบริหารงานโดยบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ที่ตั้งอยู่บนสี่แยก ถ.พระราม 4 ตัดกับ ถ.รัชดาภิเษก ตรงข้าม FYI Center ซึ่งภายในพื้นที่แห่งนี้ประกอบไปด้วย สำนักงาน, ร้านค้าปลีก, ร้านอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์อาหาร บนพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด Eat Well and Shop Well อีกทั้งยังมี พื้นที่สีเขียวและส่วนเปิดโล่งกว่า 7,000 ตร.ม อีกด้วย
จากตัวอย่างอสังหาฯ ที่เป็นรูปแบบ Mixed-Use ที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ก็คงพอจะทำให้นักลงทุน(หน้าใหม่) เข้าใจในบริบทของคำว่า Mixed-Use เพิ่มกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งไว้โอกาสหน้าทีมงาน Propertyhub จะนำข้อมูลอะไรมาฝากคุณอีก คุณก็สามารถติดตามบทความดีๆ ได้ที่ Propertyhub Blog : บทความที่รวมทุก Lifestyle ของชาวคอนโด
และสำหรับนักลงทุนท่านใดที่ต้องการปล่อยเช่า/ขายคอนโด คุณก็สามารถมาลงประกาศได้ฟรีที่ Propertyhub เว็บไซต์ที่ผู้คนยุคใหม่ ไว้ใจในการค้นหาคอนโด